หนุ่มถูกโกงค่าแรง ขึ้นรถแต่กลับไม่ถึงบ้าน ต้องเดินเท้าต่อ หัวอกแม่ไกลแค่ไหนก็มารับ

38

นับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เมื่อตำรวจ สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน บุรีรัมย์ เห็นหนุ่มเดินเท้า สภาพอ่อนแรงมาตามถนน จึงพามาที่โรงพักบ้านด่านเพื่อสอบถาม ทราบว่าถูกโกงค่าแรงตัดอ้อย ตัดสินใจขึ้นรถโดยสารมาถึงบุรีรัมย์ แต่ไม่มีรถไปต่อ จึงต้องเดินเท้ากลับบ้าน ระยะทาง 60 กม. ไม่ได้กินข้าว ตำรวจจึงเข้าให้การช่วยเหลือ

ชายคนดังกล่าว อายุ 35 ปี อยู่ในอาการอ่อนเพลีย แจ้งกับตำรวจว่าไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่ตอนเช้า จากนั้น จนท.ได้ซื้ออาหารมาให้ แต่เจ้าตัวยังกินไม่ได้เพราะอ่อนเพลีย

ชายคนดังกล่าวเล่าว่า เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนเดินทางไปทำงานรับจ้างตัดอ้อย ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีเงินติดตัวไป 800 บาท เมื่อไปถึงได้ทำงานตามปกติ แต่ปรากฏว่านายจ้างไม่จ่ายเงินค่าตัดอ้อย ซึ่งตกลงกันเหมาเป็นมัด พยายามอดมื้อกินมือเพื่อรอเงินออกตามที่ตกลงกัน สัปดาห์ละครั้ง เวลาผ่านไปดูแล้วไม่มีแววที่จะได้เงิน

สุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจเอาเงิน 200 บาท ที่เหลือติดตัว ขึ้นรถตู้จาก อ.ปากช่อง มาลงที่สถานีขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. แต่ไม่สามารถจะไปต่อได้ เพราะไม่มีเงินเหลือ ทั้งไม่ได้กินข้าว จึงเดินเท้าจากสถานีขนส่ง มุ่งหน้าบ้านที่ อ.สตึก ระยะทางประมาณ 60 กม.คาดว่าจะไปถึงตอนเช้า แต่ตำรวจมาเจอก่อน

ต่อมาตำรวจ สภ.บ้านด่าน ได้ประสานไปหาผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองหญ้าคา เพื่อให้ติดต่อญาติมารับ ในเวลาต่อมา แม่ของชายคนนี้ อายุ 55 ปี ได้เหมารถกระบะในหมู่บ้านมารับ เจ้าตัวถึงกับเข้ากราบแม่ด้วยความดีใจที่รอดชีวิตมาได้