ลูกเศรษฐีรายได้ 3หมื่นล้าน ดิ้นรนทำงานหาเงินเอง ถูกบริษัทปฏิเสธกว่า 60ครั้ง

816
ลูกเศรษฐีรายได้ 3หมื่นล้าน ดิ้นรนทำงานหาเงินเอง ถูกบริษัทปฏิเสธกว่า 60ครั้ง

เรียกได้ว่าสำหรับใครบางคนที่เกิดมาพร้อมบนกองเงินกองทองรวยล้นฟ้า มักมองไม่เห็นว่ามีใครบางคนที่เกิดมากับความยากจน ไม่มีแม้เสื้อผ้า อาหารจะกิน จำต้องดิ้นรนกัดฟันทำมาหากิน

เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า มีมหาเศรษฐีชาวอินเดียรายหนึ่งที่ชื่อ “Savji Dhanji Dholakia” เขาดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกเพชรและขายผลิตภัณฑ์ไปยัง 71 ประเทศทั่วโลก เขามีรายได้ต่อปีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ส่วนลูกชายของเขาชื่อ “Dravya Dholakia” กำลังเรียน MBA ในสหรัฐอเมริกา แต่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนพ่อของเขาไม่ยอมให้เขากลับบ้าน เเต่ขอให้เขาฝึกฝนหาเลี้ยงตนเองในเมือง Kochi เป็นเวลาหนึ่งเดือน

พ่อบอกกับ Dravya ว่า ภายในเดือนนี้เขาต้องหางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองและห้ามทำงานในสถานที่เดียวกันเกิน 1 สัปดาห์ที่สำคัญห้ามใช้ชื่อเสียงของพ่อเด็ดขาด แน่นอนว่าพ่อก็ห้ามเขาใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ด้วย พ่อบอกว่า ผมต้องการให้เขาเข้าใจและได้ลิ้มรสความเป็นคนจนที่ต้องดิ้นรนหางานทำและหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพอย่างไรซึ่งประสบการณ์ที่ดีเหล่านี้ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย

ดังนั้น เมื่อ Dravya อายุ 21 ปี เขานำเสื้อผ้าติดต่อไป 3 ชุดกับเงินจำนวน 3,000 บาทและเดินทางไปยังเมือง Kochi ในตอนแรกเขาพกพาความมั่นใจไปแบบสุดๆ แต่ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ทันที เพราะเขาคิดว่า เขาจะสามารถหางานที่ดีทำได้เนื่องจากมีการศึกษาที่ดี

สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือแม้กระทั่งภาษาท้องถิ่นง่ายๆในประเทศเขาก็ดูจะไม่คุ้นเคยเอาซะเลย สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจ ใน 5 วันแรกขนาดที่พักยังหาไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ทำงาน เพราะเขาหางานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

Dravya พูดอย่างหงุดหงิดว่า สถานที่นั้นไม่มีใครรู้จักผมเลยทำที่ให้ผมถูกปฏิเสธอย่างน้อย 60 ครั้งในช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วันนั้นทำให้ผมเข้าใจและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของงานและเข้าใจความรู้สึกของการถูกปฏิเสธ

หลังจากถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็พยายามค้นหาวิธีใหม่ๆ ตลอดเวลา Dravya ก็พบกับงานขายเบเกอรี่ครั้งแรกของเขาในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ Cheranallur และต่อมาเขาไปที่ศูนย์บริการข้อมูลร้านขายรองเท้า จากนั้นก็ไปทำงานที่ร้านแมคโดนัลด์ ตลอดทั้งเดือนเขาได้ได้รับค่าจ้างเพียง 1,700 บาทเท่านั้น

เขายังกล่าวอีกว่า ในอดีตนั้นผมไม่เคยกังวลเรื่องเงินเลยแต่ตอนนี้ผมกลับต้องมาทนกินอาหารที่มีราคาเพียง 40 รูปี (ประมาณ 17 บาท) และในแต่ละวันผมยังต้องใช้จ่ายอีก 250 รูปี (ประมาณ 108 บาท) เพื่อเป็นค่าห้องพักเล็กๆสำหรับนอนเท่านั้น ทั้งนี้ หลังจากหนึ่งเดือนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงตนเอง ในที่สุดพ่อของเขาก็อนุญาตให้ Dravya กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านได้ แต่แอดเชื่อว่าประสบการณ์ที่ท้าทายครั้งนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีในใจที่ยากจะลืมไปตลอดชีวิตของเขา