แม่ภนิดา แม่แตงโม เคลื่อนไหวแล้ว หลังอัจฉริยะตั้งโต๊ะแถลง

467
แม่ภนิดา แม่แตงโม เคลื่อนไหวแล้ว หลังอัจฉริยะตั้งโต๊ะแถลง

กลายเป็นคดีมหากาพย์ไม่ยอมจบง่ายๆ หลังตำรวจภาค 1 แถลงสรุปสำนวนคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นิดา ดาราสาว เกิดจากความประมาทของกลุ่มเพื่อน ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี พิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 6 คน มีกลุ่มเพื่อน 5 คนที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ต และกุนซือผู้ให้คำแนะนำด้านกฎหมายอีก 1 คน แต่โลกโซเชียลกลับไม่เชื่อในข้อมูลพยานหลักฐานที่ตำรวจได้มา และพยายามหาหลักฐานใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หวังพลิกคดีจากกระทำการประมาท

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ที่โรงแรมนนทบุรีพาเลซ ถนนนนทบุรี 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงเปิดหลักฐานสำคัญ ขบวนการสร้างหลักฐานเท็จในคดีที่แตงโม นิดา ดาราสาว ในการแถลงข่าวนายอัจฉริยะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน GPS และโปรแกรมเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแสง รวมถึงยังเปิดตัวนายตี๋ ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และเป็นเจ้าของเสียงสนทนาในคลิปที่อ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญด้วย

นายอัจฉริยะกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้ตำรวจ มีตำรวจยอมรับผิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสำนวนคดีไม่เป็นความจริง การจำลองบาดแผลที่ขาของแตงโม ไม่สามารถเข้าได้กับใบพัดเรือ เป็นเรื่องที่สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาทั้งหมด ขณะนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ทราบพฤติกรรมของลูกน้องแล้ว ต้องจับตาดูว่าหลังจากนี้ ผบ.ตร. จะดำเนินการอย่างไร ส่วนข้อความจากสถาบันนิติเวช ที่บอกว่าเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ตนได้รับจากตำรวจ ยืนยันว่ามีตำรวจระดับนายพลเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี

จากนั้นนายอัจฉริยะได้เปิดคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญให้สื่อมวลชนดู ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของข้อมูลเรือสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุ รวมทั้งพิกัด GPS เส้นทางการเดินเรือ และคลิปที่อ้างว่ามีตำรวจนำศพแตงโมออกมาจำลองเหตุการณ์กับใบพัดเรือว่า เข้ากับบาดแผลขาขวาหรือไม่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องชันสูตรศพ และเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสม คลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 30 นาที นายอัจฉริยะอ้างว่ามีความผิดเนื่องจากไม่ได้แจ้งขออนุญาตนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เพื่อขอนำศพออกมา นายอัจฉริยะกล่าวอย่างมั่นใจว่า การเสียชีวิตของแตงโมไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุแน่นอน แต่เกิดจากการฆาตกรรม เพราะพบความบกพร่องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดีเอ็นเอของคนบนเรือ ทราบว่าคนบนเรือมีบาดแผลแต่ไม่มีการตรวจ ตรงนี้มองได้ว่าตำรวจชุดคลี่คลายคดีจัดฉากทุกเรื่อง นายอัจฉริยะยังอ้างอีกว่า มีนายพลตำรวจตรี อักษรย่อ ว. เป็นคนสั่งการทั้งหมด เรื่องนี้ตนจะให้เวลา 24 ชั่วโมง ถ้า ผบ.ตร.ไม่ดำเนินการกับตำรวจชุดนี้ ตนจะฟ้อง ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับ ผบ.ตร. มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ และจะให้เวลากับ ผบ.ตร. อีก 4 วัน ถ้าไม่จัดการในเรื่องนี้ จะมีผู้ใหญ่ฝั่งตน เป็นเพื่อนกับนายกรัฐมนตรีเข้าไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวด้วย หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวของนายอัจฉริยะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีช่องวัน 31 ว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่นายอัจฉริยะออกมาเปิดเผย อยากรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องจริง ทำไมเพิ่งจะออกมาพูดตอนนี้ วอนสื่อ สังคม อย่าไปหลงเชื่อกับคำพูดของนายอัจฉริยะ โดยเฉพาะที่นายอัจฉริยะอ้างว่ามีตำรวจแอบนำศพออกมาพิสูจน์โดยไม่แจ้งตนและทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ในฐานะทนายความในช่วงนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะศพยังสดๆ และไม่ควรทำอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างตำรวจต้องกลัวคนเห็น เพราะสังคมจับตาไปที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงแพทย์ที่เป็นคนผ่าร่างของแตงโม ตนก็ได้คุย และรู้สึกว่าเขาเป็นคนจิตใจดี กลัวเป็นข่าว ที่สำคัญกลัวศพแตงโมเสียหาย ตนไม่เชื่อสิ่งที่นายอัจฉริยะออกมาพูดในวันนี้ อยากถามว่าทำไมต้องหาหลักฐานด้วยวิธีแบบนี้ จริงๆแล้วต้องไปจี้พวกคนบนเรือหรือไม่

นางภนิดาให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า การที่นาย อัจฉริยะออกมาพูดว่าตำรวจลอบเอาแตงโมออกไป เพื่อต้องการทำให้สอดคล้องกับคำให้การของแซน ตนอยากถามนายอัจฉริยะว่า ทำเพื่ออะไร หวังเงินจากแซนใช่หรือไม่ ส่วนพลตำรวจตรี ว. ที่นายอัจฉริยะ กล่าวถึง ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะบงการคดีนี้ เพราะตนคุยบ่อย ท่านยึดแต่หลักฐานจริงๆ ไม่ทำอะไรไร้สาระ และยิ่งเป็น ถึงระดับนายพลด้วย ส่วนตัวยังเชื่อว่า เหตุการณ์นี้เป็นเพียงอุบั ติเหตุ หากนายอัจฉริยะ ยังยืนยันว่าไม่ใช่ มีหลักฐานหรือไม่ ส่วนบรรยากาศบนเรือใครก็สามารถแต่งเรื่องขึ้นมาได้ อยากให้นายอัจฉริยะหยุดวุ่นวายและยุ่งเหยิงกับคดี ที่ผ่านมา ยังได้รับจดหมายฉบับหนึ่งอ้างว่าเป็นของกระติกนำมา หย่อนไว้หน้าบ้านแตงโม เขียนถึงคุณแม่ ระบุว่า กระติกยอมรับว่าเป็นคนแตงโมต้องการ เงินกรมธรรม์ 1 ล้านบาท เรื่องนี้ตนยังไม่เชื่อ เพราะมีคนปลอมหลักฐานเท็จเยอะ และตนก็ได้ไปสืบมาหมดแล้ว มารดาของดาราสาวกล่าว นางภนิดากล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้เห็นลูกสาวแล้ว และตำรวจได้เรียกให้ตนไปดูและให้เปรียบเทียบกับใบพัดเรือแล้ว ตนเชื่อตำรวจ เวลาผ่านมา 3 เดือนแล้ว จริงๆไม่ควรมีใครจะต้อง มายุ่งแล้ว และตำรวจก็ต้องไปสอบประเด็นเพิ่มตามที่อัยการได้สั่งการ แต่ไม่จำเป็นต้องออกข่าว เพราะต้องปกปิดสำนวนให้แน่น ส่วนการที่นายอัจฉริยะไม่ได้เห็นค่าตนนั้น ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่เคยรู้จักกัน แต่อย่ามากล่าวหาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ

ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดาเปิดเผยว่า หลังได้รับทราบข้อมูลที่ นายอัจฉริยะเอามาเปิดเผยกับสื่อมวลชนและสังคมแล้ว ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะไม่ได้มีผลต่อสำนวนหรือรูปคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษากับแม่ของแตงโม ว่าจะเอาเรื่องที่นายอัจฉริยะนำคลิปเปิดเผยต่อสื่อและสาธารณชนหรือไม่ ส่วนข้อมูลที่นายอัจฉริยะเอามาแถลง เอามาจาก โหนกระแส และข้อมูลจากสื่อตามช่องทางต่างๆที่นำเอามาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็น การวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ทั้ง พี่อู๊ดผู้เชี่ยวชาญทางเรือ รวมถึงนำคลิปของแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่กำลังตรวจสอบศพมาเผยแพร่ ขณะนั้นยังอยู่ระหว่าง ทดลองพิสูจน์ทราบ ต้องรักษาความลับ เรื่องนี้เป็น เรื่องที่ตำรวจจะต้องดำเนินการหลังจากนี้ นายเดชากล่าวต่อว่า ขณะที่ประเด็นการนำแตงโม ออกมาจำลองเหตุการณ์ในสถานที่โล่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจเช่นเดียวกัน มีสิทธิจะฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ในส่วนของกฎหมาย หากอยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวนทางคดี ตำรวจสามารถกระทำได้ ไม่ต้องแจ้งครอบครัว เพราะ ถือเป็นการพิสูจน์ทราบ ส่วนคลิปนายตี๋ที่คุยกับบุคคลอื่น ตนพอทราบว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้องในคดีปอร์เช่ พื้นที่หลักสอง เชื่อว่า เรื่องนี้มีการโกหก ทำหลักฐานเท็จ ในประเด็นแตงโมทำธุระท้ายเรือ อีกทั้งยังมีประเด็นนายพล ว. อยู่เบื้องหลัง เป็นคนบงการทั้งหมด ถ้าเกิดเรื่องนี้ ไม่เป็นความจริง นายอัจฉริยะมีสิทธิถูกดำเนินคดี เบื้องต้นก็ถูกตำรวจดำเนินคดีแล้ว 2 คดี ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่น ประมาทด้วยการโฆษณา ส่วน ปปป. ข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งผู้อื่น นายเดชายังระบุอีกว่า การที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โพสต์ข้อความว่า นายอัจฉริยะถูกตามล่า ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีใครไป ล่าหรอก เพราะเป็นเรื่องของเขาที่จะนำมาพูด อยากฝากไปถึง ว่าทำให้เต็มที่ ไม่ต้องแผ่ว ส่วนหลังจากที่ นายอัจฉริยะเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้น ได้พูดคุยกับตำรวจแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนประเด็นที่อัยการจังหวัดนนทบุรี ได้ให้พนักงานสอบสวนไปสอบ เพิ่มมาอีก 20 ประเด็นนั้น ขณะนี้ตำรวจได้สอบเพิ่ม เติมใกล้เสร็จสิ้นแล้ว การไปสอบเพิ่มเป็นการสอบเรื่อง เล็กๆน้อยๆให้สำนวนสมบูรณ์ ก่อนสั่งฟ้องต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ทีมข่าวช่องวัน 31 กำลังสัมภาษณ์ทนายเดชาอยู่นั้น ปรากฏว่า นางภนิดา แม่ของแตงโม ได้แชตไลน์มาหาทนายเดชา ข้อความระบุว่า เบื่ออัจฉริยะด้วย ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พ.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้เรียกประชุมชุดทำงานคดีแตงโม มี พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 เข้าร่วมประชุมด้วย ทันทีที่มาถึงผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงการเรียกประชุมในวันนี้ว่ามาจากนายอัจฉริยะออกมาแถลงข่าวใช่หรือไม่ และมีความกังวลใจหรือไม่เกี่ยวกับรูปคดี พล.ต.ต.อุดรยกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ก่อนจะขึ้นไปประชุมที่ชั้น 3 จากนั้นในเวลา 14.45 น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 ได้ลงมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าค่อนข้างเครียด เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม เกี่ยวกับประเด็นที่นายอัจฉริยะอ้างว่ามีนายพลตำรวจ ว. เป็นผู้บงการคดีแตงโม พล.ต.ต.วสันต์ไม่ตอบ คำถามใดๆ ก่อนรีบขึ้นรถยนต์ออกไปทันที ส่วนที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ทีมแพทย์ จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่ชันสูตร แตงโมรอบแรก และทีมแพทย์นิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ที่ชันสูตรรอบ 2 เดินทางมาให้อัยการซักถามในฐานะผู้เชี่ยวชาญและ เป็นผู้ชันสูตรแตงโม คาดว่าอัยการน่าจะซักถาม

ส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนได้ระดมความคิดจากหลายองค์กรตามขั้นตอน มีการย้ำคิดย้ำทำอย่างรอบคอบเพื่อให้คดีนี้มีความยุติธรรม ตามที่มีผู้ออกมาให้ข่าวว่า ในคดีนี้มีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คงไม่มีใครกล้าทำ เนื่องจากคดีนี้มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเกือบทั้งประเทศ จะมาสั่งการให้คดีบิดเบี้ยวไปได้อย่างไรรอง ผบช.ภ.1 กล่าว หลังการแถลงชี้แจงเสร็จสิ้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวเสริมว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขอให้มั่นใจว่าสามารถเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้ นอกจากนี้ตำรวจที่ทำงานเป็นตำรวจที่มีอนาคต คงไม่มีใครกล้าเอาอนาคตของตัวเองมาแลก ขอให้สังคมรอดูผลการพิจารณาของศาล ความจริงจะปรากฏ

ขอบคุณ ไทยรัฐ