เรียกได้ว่าการนำเงินฝังดินเป็นวิธีเก็บเงินของคนสมัยก่อนจริงๆค่ะ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการนำเงินฝากธนาคารมากกว่า แต่ยังมีผู้สูงอายุบางรายที่ยังใช้วิธีการนำเงินไปฝังดินอยู่ โดยผู้ใช้แอปพลิเคชัน tiktok รายหนึ่งโพสต์คลิปหญิงวัยกลางนำธนบัตรเก่าผุพังไปแลกที่ธนาคาร ระบุข้อความว่า ยายอายุ 101 ปี เอาเงินไปฝังใต้ดิน บอกลูกไปขุดเหลือแค่นี้ ฝังไว้หลายที่มาก
ล่าสุดที่บ้านของผู้ปรากฏในคลิป ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบกับนางเบ็ง สายพรหม อายุ 95 ปี และ นายกัน สายพรหม อายุ 74 ปี และนางลำเพียร สอนสันติ อายุ 53 ปี อดีตลูกสะใภ้
โดยนางลำเพียร ได้นับเงินที่ผุโชว์ซึ่งมีจำนวน 8 ใบ กับอีกครึ่งใบ ต่อมานายกัน สายพรหม อายุ 74 ปี ได้นำถุงพลัสติกที่ใส่เงินเหรียญมาวางให้ดู โดยมีเหรียญ 10 บาท 5 บาท และ 1 บาท และบอกว่าเป็นเงินเก็บที่เก็บมาทั้งชีวิต
เก็บไว้ใต้ถุนบ้าน และยังมีเงินที่เป็นธนบัตรอีก แต่มันผุหมดเพราะไม่ได้ใส่ถุงไว้ โดยนางเบ็ง สายพรหม อายุ 95 ปี ได้พาไปดูสถานที่ฝังเงินไว้ พร้อมกับนำเสียมไปหนึ่งเล่ม เพื่อสาธิตการงัดไม้กระดานใต้ห้องครัว ที่ได้หย่อนแบงค์พันลงไป แต่ปีนี้เนื่องจากมีฝนตกชุก จึงทำให้แบงค์ผุหมด
คุณยายเบ็ง บอกว่าจำไม่ได้ว่าหย่อนเงินลงไปกี่ครั้ง จนงัดเอาออกมาดูก็พบว่า เงินที่หย่อนลงไปมันผุพังหมดแล้ว
ด้านนางลำเพียร อดีตลูกสะใภ้ เล่าว่า ตากันกับยายเบ็ง อยู่สองคนมีลูกทั้งหมด 4 คน จากไปหมดแล้ว ตนเองเคยเป็นลูกสะใภ้ พอสามีเสี ยก็ไปมีครอบครัวใหม่ แต่ทุกวันก็ยังแวะมาเยี่ยมยายเบ็งอยู่เรื่อยๆ
ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นเป็นวันสารท ตนได้เดินทางไปหาตากัน ซึ่งตาก็ได้หยิบเงินในสภาพอย่างที่เห็นมาให้ตน เพื่อให้เอาไปแลก ซึ่งเดิมยายเบ็ง จะเอาไปทิ้ง เพราะเห็นว่ามันใช้ไม่ได้
ตนจึงบอกไปว่า จะเอาไปแลกที่ธนาคารให้ ให้เอามาทั้งหมด ยายเลยไปเอามาให้มีทั้งหมดจำนวน 8 ใบ กับอีกครึ่งใบ ตนจึงนำแบงค์ดังกล่าวไปสอบถาม รปภ.ธนาคารแห่งหนึ่งที่ อ.พนมดงรัก ทาง รปภ.เองจึงได้แนะนำให้ไปแลกอีกธนาคารของรัฐในเมือง ตนจึงกลับบ้านบอกให้ตาและยาย ให้ไปขุดเงินมาให้หมด
ด้วยอายุที่มากแล้ว ทั้ง 2 ท่านอาจจะหลงๆ ลืมๆ ไป ซึ่งเงินที่เอาไปฝังดินเป็นเงินที่รัฐบาลช่วยอุดหนุนการทำนา และเงินผู้สูงอายุของยายราว 3 ปีแล้ว ทั้งหมดน่าจะหลายหมื่นบาทอยู่ที่เอาไปฝัง ส่วนเงินผู้สูงอายุของตาปกติก็จะเก็บเอาไว้ใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม ขอให้แลกเงินได้ทั้งหมดนะคะ เพื่อที่คุณตา คุณยาย จะได้นำเงินไปใช้ต่อไป
